Print this page

"ธนาคารน้ำใต้ดิน" พลิกวิกฤตสู่ความยั่งยืน นายชาตรี๊ ศรีวิชาฐา นวัตกรรมระบบธนาคารน้ำใต้ดินลำห้วยแก้ว นวัตกรรมแก้ท่วมน้ำแล้งตำบลเก่าขาม

      จากผืนดินที่เคยเผชิญวงจรภัยธรรมชาติซ้ำซาก ทั้งน้ำท่วมใหญ่ในฤดูฝนและภัยแล้งรุนแรงนอกฤดูกาล ตำบลเก่าขาม อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ได้กลายเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืนระดับประเทศ หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้คือวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นของ นายชาตรี๊ ศรีวิชาฐา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เก่าขาม ผู้นำโครงการ "ธนาคารน้ำใต้ดินแบบพอเพียง (Sufficiency Groundwater Bank)" ซึ่งมี "ลำห้วยแก้ว" เป็นโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

      ในอดีต ตำบลเก่าขามซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นที่แอ่งกระทะและอยู่นอกเขตชลประทาน ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งเป็นประจำทุกปี นายชาตรี๊ ศรีวิชาฐา และทีมบริหาร อบต.เก่าขาม ตระหนักว่าการแก้ปัญหาแบบเดิมไม่สามารถสร้างความยั่งยืนได้ จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2558 เมื่อคณะผู้บริหารได้เดินทางไปศึกษาดูงานและนำแนวคิดเรื่องการจัดการน้ำใต้ดินจากพระนิเทศศาสนคุณ (หลวงพ่อสมาน สิริปัญโญ) มาประยุกต์ใช้

      "เราคิดว่าจะทำอย่างไรให้น้ำที่เคยท่วมทำลายเรา กลายมาเป็นน้ำที่หล่อเลี้ยงเราในหน้าแล้ง" นั่นคือโจทย์ใหญ่ที่นำไปสู่การริเริ่มโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน โดยมีเป้าหมายง่ายๆ แต่ท้าทาย คือ "ฝากน้ำ" ที่มีมากเกินไปในฤดูฝนลงไปเก็บไว้ใต้ดิน และ "ถอน" ออกมาใช้ในยามขาดแคลน

"ลำห้วยแก้ว" โมเดลธนาคารน้ำระบบเปิด พลิกฟื้นชีวิตชุมชน

      โครงการที่ลำห้วยแก้ว คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของ ธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิด ซึ่งเป็นการจัดการน้ำในพื้นที่สาธารณะขนาดใหญ่ หลักการทำงาน คือ

  • การขุดบ่อขนาดใหญ่:

    ขุดลอกลำห้วยให้เป็นบ่อขนาดใหญ่และลึก เพื่อเพิ่มปริมาณการกักเก็บน้ำบนผิวดิน
  • เจาะ "สะดือ" สู่ชั้นหินอุ้มน้ำ:

    หัวใจของระบบคือการเจาะพื้นบ่อให้ทะลุชั้นดินเหนียวลงไปถึงชั้นหินอุ้มน้ำ (Water Bearing Layer) เพื่อเปิดทางให้น้ำจำนวนมหาศาลจากลำห้วยสามารถซึมลงไปเติมในชั้นน้ำบาดาลได้อย่างรวดเร็ว
  • ฝายชะลอน้ำ:

    สร้างฝายและพนังกั้นน้ำเป็นช่วงๆ เพื่อชะลอความเร็วของน้ำและเพิ่มเวลาให้น้ำได้ซึมลงใต้ดินให้ได้มากที่สุด

      แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ลดปัญหาน้ำท่วมหลากในทันที แต่ยังเป็นการ "ฝาก" ทรัพยากรน้ำจำนวนมหาศาลไว้ในแหล่งเก็บน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือชั้นใต้ดิน

ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จ

      ภายใต้การนำของนายชาตรี๊ โครงการธนาคารน้ำใต้ดินได้ขยายผลไปทั่วทั้งตำบล ปัจจุบันมีธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิด 10 แห่ง และระบบปิด (สำหรับครัวเรือนและพื้นที่เกษตร) อีกกว่า 80 แห่ง ซึ่งนำมาสู่ความสำเร็จที่น่าทึ่ง

  • แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งได้ 100%:

    อบต.เก่าขาม ยืนยันว่าโครงการนี้สามารถแก้ปัญหาวงจรน้ำท่วมและภัยแล้งในพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์
  • ฟื้นฟูเกษตรกรรม:

    เกษตรกรสามารถทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี มีน้ำเพียงพอสำหรับปลูกพืชเศรษฐกิจหลากหลายชนิด สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน
  • ยกระดับคุณภาพชีวิต:

    มีการต่อยอดโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์สูบน้ำที่เก็บไว้ใต้ดินขึ้นมาใช้ในระบบประปาหมู่บ้าน ทำให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ
  • ปรากฏการณ์มหัศจรรย์:

    มวลน้ำที่ถูกฝากไว้ที่ลำห้วยแก้ว เดินทางผ่านชั้นใต้ดินไปไกลกว่า 10 กิโลเมตร และไปเติมเต็มบ่อน้ำของชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลที่เคยแห้งเหือดให้กลับมามีน้ำอีกครั้ง
  • ศูนย์เรียนรู้ต้นแบบ:

    ความสำเร็จของ อบต.เก่าขาม ทำให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบด้านการจัดการน้ำนอกเขตชลประทาน ได้รับรางวัลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2566 และมีหน่วยงานจากทั่วประเทศเดินทางมาศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง

      "วิสัยทัศน์ของนายชาตรี๊ ศรีวิชาฐา และความร่วมมือของชาวตำบลเก่าขาม ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การบริหารจัดการน้ำที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่และน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ สามารถเปลี่ยนพื้นที่ประสบภัยพิบัติซ้ำซากให้กลายเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ สร้างความมั่นคงทางน้ำและอาหารให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน